Your browser's Javascript functionality is turned off. Please turn it on so that you can experience the full capabilities of this site.
พัฒนาการของเด็กทารกวัย 0 - 12 เดือน ทางด้านร่างกายของเด็กทารกนั้น จะนับเริ่มต้นที่ศีรษะ จากนั้นจึงต่อเนื่องไปที่ส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
ทารกแรกเกิด-2 เดือน
สามารถยกคอขึ้นหรือหันคอได้ในท่านอนหงาย กำมือและงอแขนได้ แต่คอจะยังไม่สามารถหนุนรับศีรษะได้เมื่อถูกจับให้อยู่ในท่านั่ง ปฏิกิริยาตอบสนองของระบบประสาทอัตโนมัติของทารกวัยนี้ ได้แก่ บาบินสกี้รีเฟลก (กระตุ้นที่ฝ่าเท้าแล้วนิ้วโป้งเท้าจะเหยียด) - โมโรรีเฟลก (อาการผวาเมื่อขาดการประคองแบบกระทันหัน) ปฏิกิริยาสะท้อนด้วยการกำมือ(ใช้นิ้วลากบนฝ่ามือของทารกทารกจะกำมือ) ปฏิกิริยาการค้นหาและการดูด (เมื่อเขี่ยที่แก้มข้างไหนทารกจะหันหน้าไปทางนั้น) ฯลฯ
ระยะ 3-4 เดือน
กล้ามเนื้อตาจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยทำให้ทารกรู้จักมองตามวัตถุ และควบคุมการเคลื่อนไหวของมือและเท้า และยังช่วยให้ทารกแยกแยะวัตถุออกจากพื้นหลังที่มีสีใกล้เคียงกันมาก นอกจากนี้ ทารกจะพยายามดันตัว ไหล่ชูศีรษะและแขนทั้งสองข้างขณะนอนคว่ำ รวมทั้งกล้ามเนื้อคอ ที่มีพัฒนาการมากขึ้น ทำให้ทารกสามารถนั่งโดยมีคนพยุงและตั้งคอขึ้นได้ ระยะ 5-6 เดือน
สามารถนั่งลำพังระยะสั้นๆ โดยไม่ต้องมีคนช่วยเหลือในช่วงแรก และอาจนั่งได้ถึง 30 วินาทีหรือมากกว่านั้นในช่วงถัดไป และมีการเริ่มจับฉวยของเล่นประเภทตัวต่อหรือสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ โดยใช้เทคนิคการกำมือแบบฝ่ามือร่วมกับต้นแขน (กดตัวต่อไว้ในอุ้งมือพร้อมกับงอข้อมือเข้า) แต่ยังไม่รู้จักการใช้หัวแม่มือร่วม ด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถพลิกตัวจากคว่ำเป็นหงาย เมื่อนอนคว่ำทารกสามารถใช้แขนดันเพื่อยกไหล่และศีรษะขึ้นรวมทั้งมองไปรอบๆ และเอื้อมคว้าวัตถุ
ระยะ 6-9 เดือน
สามารถเริ่มคลานและเดินโดยมีผู้ใหญ่คอยจูงมือ นอกจากนี้ยังสามารถนั่งอย่างมั่นคงเป็นระยะเวลานานได้โดยไม่ต้องช่วยประคอง รวมทั้งยืนขึ้นและนั่งลงได้เองได้โดยการเกาะเฟอร์นิเจอร์
ระยะ 9-12 เดือน
สามารถยืนตามลำพังได้โดยสมดุลและย่างก้าวเดินได้ตามลำพัง พัฒนาการด้านการรับและส่งความรู้สึก
การได้ยินเสียงจะเริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา และเจริญเต็มที่ตอนคลอด โดยทารกจะชอบเสียงของมนุษย์มากกว่าเสียงอื่น การสัมผัส รับรส และดมกลิ่น จะพัฒนาเต็มที่ตั้งแต่คลอด โดยจะชอบรสหวานมากกว่ารสอื่น การมองเห็นทารกแรกเกิดสามารถมองเห็นในระยะ8-12 นิ้ว การมองเห็นสีต่างๆ จะพัฒนาในช่วงอายุ 4-6 เดือนและในช่วงอายุ 2 เดือนทารกสามารถมองตามวัตถุรอบๆ ได้ไม่เกิน 180 องศา โดยทารกจะชอบมองใบหน้ามากกว่าสิ่งอื่นทารกจะรับรู้ถึงการโยกตัวและเปลี่ยนตำแหน่งผ่านทางระบบรับความรู้สึกที่หูชั้นใน พัฒนาการทางด้านภาษา
การร้องไห้ถือเป็นรูปแบบการสื่อสารที่สำคัญ ในช่วงสามวันแรกหลังคลอด ผู้เป็นแม่สามารถแยกเสียงร้องของลูกตนเองจากทารกอื่นๆได้ ในช่วง 1 เดือนแรกพ่อแม่ส่วนใหญ่สามารถบอกได้ว่าเสียงร้องไห้ของารกหมายถึงการหิว เจ็บปวดหรือโกรธ การร้องไห้ของทารกยังส่งผลให้นมของแม่ไหลอีกด้วย
ความถี่ของการร้องของทารกที่สุขภาพสมบูรณ์ในช่วง 3 เดือนแรก
นั้น แตกต่างกันไปอยู่ในช่วง 1-3 ชั่วโมงต่อวัน หากมากกว่า3 ชั่วโมงต่อวันมักจะถูกวินิจฉัยว่าเป็นอาการโคลิก ซึ่งพบได้ยากและมักมาจากปัญหาสุขภาพการร้องไห้อย่างมากผิดปกติอาจเกิดจากการทารุณเด็ก และไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด อาการของไห้อย่างต่อเนื่องยาวนานนั้นจำเป็นต้องได้รับการประเมินทางการแพทย์
พัฒนาการที่สำคัญของเด็กในช่วงวัย 0-12 เดือน
คือการเริ่มมีพัฒนาการด้านการออกเสียงและการตอบสนองต่อเสียงโดยในช่วงอายุ 2-9 เดือนจะเริ่มร้องออกเสียงอ้อแอ้ หัวเราะ และในช่วงอายุ 9-12 เดือนจะเริ่มเลียนแบบเสียงบางเสียง พูดคำว่าแมะๆ (แม่) ได้ หรือตอบสนองต่อคำสั่งง่ายๆ
พัฒนาการด้านพฤติกรรม
พฤติกรรมของทารกแรกเกิดแปรตามสภาวะการรู้สึกตัว 6 ชนิด คือ ร้องไห้ การนอนหลับฝันการง่วงซึม การหงุดหงิด การตื่นรู้ตัว และการหลับสนิท
ทารกสุขภาพดีที่มีระบบประสาทปกติสามารถเปลี่ยนสภาวะหนึ่งไปอีกสภาวะได้อย่างราบรื่น อัตราการเต้นของหัวใจ แรงดึงตัวของกล้ามเนื้อ และการเคลื่อนไหวของร่างกายจะแตกต่างกันไปในแต่ละสภาวะ
การทำงานต่างๆ ของร่างกายของทารกจะยังไม่สมบูรณ์ในช่วงแรกเกิด ความเครียดและการกระตุ้นเร้าต่อทารกอาจกระทบต่อการบีบตัวของลำไส้ คลื่นไส้ สะอึก การเปลี่ยนสีผิวตามอารมณ์การควบคุมอุณหภูมิ อาเจียน หรือการหาวนอน นอกจากนี้ การหยุดหายใจเป็นพัก ๆ หมายถึง ทารกหายใจและหยุดหายใจเป็น ช่วงๆ เป็นภาวะปกติและไม่ใช่สัญญาณของ SIDS (โรคตายแบบเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุในเด็กทารก) ทารกบางคนจะอาเจียนหรือบ้วนอาหารออกมาหลังทานเสร็จ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทารกมีอาการผิดปกติทางกายแต่อย่างใด
พัฒนาการของเด็กทารกวัย 0 - 12 เดือน เหล่านี้กลับมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นและมีพัฒนาการทางร่างกายที่ปกติ ทารกบางรายอาจทำเสียงเบ่งหรือเสียงครางตอนขับถ่ายแต่อุจจาระที่ออกมานั้นจะนุ่มและปราศจากเลือดรวมทั้งทารกมีการเจริญเติบโตปกติ ทั้งนี้เนื่องจากการใช้กล้ามเนื้อท้องยังไม่โตเต็มที่ในการขับดันของเสียและไม่ต้องรักษาวงจรการนอนและตื่นยังคงเปลี่ยนแปลงแและไม่คงที่จนกว่าทารกจะอายุได้ 3 เดือนโดยช่วงแรกจะเปลี่ยนทุกประมาณ30-50 นาที และค่อยๆยาวขึ้นตามการเจริญเติบโต เมื่อทารกอายุได้ 4 เดือน ส่วนใหญ่จะสามารถนอนหลับต่อเนื่อง 5 ชั่วโมงต่อวัน ทารกที่กินนมแม่จะกินนมประมาณทุก 2 ชั่วโมง และทารกที่กินนมผงจะกินนมประมาณทุก 3 ชั่วโมง ในช่วงที่ทารกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจะกินนมถี่ขึ้นทารกที่ดื่มนมมากพอจะเปลียนผ้าอ้อมที่ชุ่มประมาณ 6-8 ผืนต่อ 24 ชั่วโมง
เรื่องของความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กทารกเป็นอย่างมาก จึงจำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย และในพัฒนาการของทารกแต่ละช่วงอายุเดือนเป็นพิเศษ
ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล : www.thaistemlife.co.th/com เรียบเรียงโดย : www.be-bebe.com